เสน่ห์อัญชัน ดอกไม้สุขภาพ

เสน่ห์อัญชัน ดอกไม้สุขภาพ
เสน่ห์อัญชัน ดอกไม้สุขภาพ

หลังจากกลับมาจากบ้านหลังวันแม่ไม่กี่วันก็ไม่ลืมเก็บเกร็ดความรู้อาหารสุขภาพดีๆ มาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันนะครับ หรือจะทำตามก็ได้นะครับไม่ว่ากัน ดอกอัญชัน เป็นไม้เถาริมรั้วข้างบ้านแต่อุดมคุณค่าไปด้วยสารแอนโทรไซยานิน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมและนัยน์ตา ด้วยดอกที่มีสีสันสวยงามจึงมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การนำมาทำอาหาร นี้แหล่ะเสน่ห์อัญชัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องอ่านหนังสือมากๆ ต้องทานอาหารประเภทนี้ หรือนั่งจ่องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน คำถามคือ...แล้วจะทานยังไงล่ะ เก็บมาทานเลยหรอ...?? ตอบว่า...ทานได้ครับ แต่...ที่จะบอกคือ สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบการทำอาหารให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้นและได้ประโยชน์ด้วยครับ

ดอกอัญชัน ทำอาหาร

แม่ผมบอกว่าวันพรุ่งนี้จะพากินข้าวก่ำ ( ข้าวเหนียวดำนั่นเอง ) ผมก็งง เอ๊ะ! แม่ครับเราไม่ได้ทำนาข้าวก่ำบ่แม่นติ(ภาษาอีสานครับ) แม่ก็หัวเราะ พอมาดูเฉลยกันที่แท้แม่ผมก็เอาใจลูกชายโดยทำเมนูเด็ด ข้าวเหนียวไก่ย่าง ที่ผมชอบ ทำกินกันวันพรุ่งนี้ครับ และพี่ๆน้องๆก็จะมากันวันพรุ่งนี้ด้วยครับ ถือว่าเป็นวันรวมญาติ มาดูกันครับแม่ผมทำเมนูนี้ยังไง....

ข้าวก่ำ - ข้าวเหนียวดำ

ขออธิบายก่อนนะครับว่าภาพที่นำมานี้ไม่ได้ถ่ายเอง ผมเอาจากอินเตอเน็ตทั้งสิ้นเพื่อประกอบให้นึกภาพออกครับ อิอิ (กลับบ้านลืมเอากล้องกลับไปด้วยครับ แง....)

ด้วยทางบ้านเป็นคนอีสาน (หน้าตาก็บอกอยู่แล้ว) ต้องทานข้าวเหนียวเป็นหลัก จึงต้องนึ่งข้าวเหนียวแต่ไม่ใช่ข้าวเหนียวนึ่งธรรมดา จะเป็นข้าวที่สีสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา (แม่ผมว่างั้นนะ..) เริ่มแรกเลยแม่บอกให้ไปเก็บดอกอัญชันริมรั้วข้างบ้านมาประมาณ 1 ตระกร้าเล็ก คิดอยู่นานว่าแม่จะเอามาทำอะไร แต่ผมก็รู้แล้วว่าคงเกี่ยวกับอาหารแน่นอน แต่ยังไม่รู้ดอกอัญชันสีสวยนี้เกี่ยวอะไรด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาดูแม่ทำกับข้าวดีกว่า

ข้าวสาร ข้าวเหนียว

การนึ่งข้าวเหนียว ถ้าเป็นลูกอีสานบ้านเฮาจะรู้กันครับว่านึ่งกันยังไง สำหรับเด็กบ้านนอกอย่างผมนะ แต่ผมก็จะแนะนำแบบของผมละกันที่ทำอยู่บ้านผม ขึ้นแรกๆเลย ตักข้าวเหนียวสองถ้วย (กินเยอะก็ตักเพิ่มอีกหน่อยกินน้อยก็ลดลงครับ) ลงในอ่างที่ใช้แช่ข้าวประจำ แล้วเท่น้ำลงไปให้ท่วมเกินประมาณ 1 นิ้ว แช่ประมาณ 3-5 ชั่วโมง พอถึงตอนที่จะนึ่ง เท่น้ำซาวข้าว ก็คือน้ำที่เราแช่นั่นแระครับประมาณ 3 น้ำ แล้วพักข้าวไว้ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปนึ่งใส่หม้อให้มีน้ำประมาณ 1 นิ้วครึ่ง ถ้าน้ำน้อยข้าวเราจะไหม้ครับ ภาษาอีสานเรียกว่า “ไฟไหม้ฮวดข้าว” ถ้าใส่มากก็จะไม่สุก ใครนึ่งข้าวไม่สุกจะหาเมียไม่ได้ครับ +555 คุณตาผมชอบล้อประจำ แล้วรอประมาณ 1-2 ชั่วโมงครับข้าวก็จะสุก อ๋อลืมบอกไป 1 ชั่วโมงแรก ต้องไปพลิกข้าวในกระชอนด้วยนะครับ

วิธีนึ่งข้าวเหนียว
นี้คือขั้นตอนการนึ่งข้าวเหนียวของผม แต่ยังไม่นึ่งตอนนี้เราต้องไปแช่กับน้ำดอกอัญชันก่อน แค่บอกวิธีไว้ก่อน อิอิ

ขั้นตอนการเตรียมน้ำดอกอัญชัน เด็ดดอกอัญชันที่เก็บมาทั้งหมดแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วก็เอาไปใส่น้ำกะประมาณพอๆกับน้ำที่ใช้แช่ข้าวเหนียวพอให้ท่วมข้าว ตั้งไฟประมาณ 10-15 นาที ให้สีมันออกเยอะๆครับ พอได้ที่แล้วก็ยกลง สักพักใช้ผ้าตะข่ายกรองเอาดอกอัญชันออก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วได้น้ำอัญชันสีน้ำเงินครามเข้มๆมาแล้วเย้ๆ จากนั้นนำข้าวเหนียวลงแช่ทิ้งไว้หนึ่งคืน
 
ตื่นขึ้นมาเช้าตรู่ ประมาณตี 5 ลุกมาก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวใส่น้ำดอกอัญชันต่อ ด้วยใจที่อยากรู้อยากเห็นติดตามทุกสถานการณ์ พอเอาข้าวขึ้นจากน้ำแช่ดอกอัญชันแล้วนำไปล้างน้ำอีก 1 รอบ ก่อนนึ่ง ด้วยสีของดอกอัญชันทำให้ข้าวเหนียวที่ผมจะนึ่งเป็นสีม่วงไปแล้วครับ ถึงล้างอีกทีก็ยังติดข้าวอยู่เลย เจ๋งอ่ะ...ข้าวเหนียวสีสวยไปเลยเรา แล้วนำไปนึ่งตามวิธีที่แนะนำไปครับ หลังจากผ่านไปประมาณ ชั่วโมงครึ่งนึ่งเสร็จใส่กระติบข้าวเรียบร้อยได้สีประมาณนี้ครับ สวยน่ากินเลยทีเดียว
แช่ข้าวเหนียวกับน้ำดอกอัญชัน

ส่วนไก่ย่างไม่ได้ทำเองครับฝากให้พี่ๆซื้อเข้ามา มีทั้งส้มตำ ไก่ย่าง แกงผักหวานป่า ต้มปลานิล ปลาเผา โอ้ยสารพัดแซบหลาย ทั้งคุณตา พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา พี่ น้องสาว หลานๆ พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยทีเดียว สุขไหนก็ไม่สู้บ้านเฮา ขอฝากด้วยละกันนะครับ เข้าครัวทั้งทีก็ขอเก็บเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆมาฝากเพื่อนๆ เพื่อสุขภาพที่ดีหวังว่าเพื่อนๆคงจะนำไปประยุกต์ทำอาหารที่มีส่วนประกอบของดอกอัญชันกันบ้างนะครับ ได้ทั้งความอร่อยน่ารับประทาน และสำคัญมีประโยชน์ต่อสุขภาพเราครับ

ทิ้งท้ายกันสักนิด พอดีไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปเจอขั้นตอนการทำน้ำดอกอัญชันไว้ดื่มกันครับ

ขอบคุณแหล่งภาพ:จากคุณ ใบเตย (-minivet-)
http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D10842910/D10842910.html

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ2 ม.ค. 2555 16:08:00

    เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก นำหลักวิถีชีวิตของชุมชนบวกหลักวิชาการ ออกมาเป็นองค์ความรู้ ถ้าเกิดกระบวนแบบนี้ขึ้นในองค์กรที่ทำงาน เราคิดว่ามันจะออกเป็นข้อมูลที่มีคุณค่ามากเลยนะ จะติดตามตอนต่อไปละกัน

    ตอบลบ