รองเท้านวดเพื่อสุขภาพ ไอเดียเจ๋งฝีมือคนไทย โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
ในยุคที่กระแสรักสุขภาพมาแรง ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ต่างหยิบจุดนี้มาเป็นจุดขาย การก่อกำเนิดของบริษัท MC Relax shoes ซึ่งก่อตั้งโดยคณะนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่นำเทรนด์ดังกล่าวมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น นั่นก็คือ "รองเท้านวดเพื่อสุขภาพ" ซึ่งสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ที่จัดขึ้นโดย บมจ.ธนาคารกรุงไทย ที่ดำเนินการมาเป็นปีที่ 9 แล้ว ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการจริง ซึ่งจะทำให้เยาวชนได้รับประโยชน์หลายประการ อาทิ เสริมแนวคิดและปูพื้นฐานการเป็นผู้ประ กอบการ สอนให้ทำงานเป็นทีม รู้จักศึกษา-ค้นคว้า ทดสอบความชอบและความถนัดของตนเองจากการประกอบธุรกิจจริง ฯลฯ
ถ้าใครได้ลองสวมใส่รองเท้านวดเพื่อสุขภาพที่นักเรียนชั้น ม.4/1 รร.มงฟอร์ตฯ จำนวน 8 คนคิดค้นขึ้นมา ซึ่งผลิตและจำหน่ายในนามบริษัท MC Relax shoes จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมคณะกรรมการถึงได้มอบรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ให้
นอกจากจะเป็นรองเท้าใส่ในบ้านที่ออกแบบสวยเก๋ไก๋ ประเภทมีคู่เดียวในโลกก็ว่าได้ แถมยังมีประโยชน์ต่อเท้าอีกด้วย โดยนำทรายจากลำน้ำปิงมาใส่ในรองเท้าตามจุดสำคัญๆ 5 จุดเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งบีบนวด จุดสำคัญ 5 จุดคือ 1.ตา หู 2.ไซนัส ต่อมใต้สมอง ต่อมทอนซิล คอ 3.ปอด หัวใจ 4.ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และ 5.อวัยวะสืบพันธุ์
"ครูนิวัติ อรุณวิไล" อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ บริษัท MC Relax shoes เล่าให้ฟังถึงที่มาของแนวคิดการทำรองเท้าเพื่อสุขภาพว่า จุดเริ่มต้นมาจากผู้ปกครองเด็กรายหนึ่ง ทำอุปกรณ์ชิ้นส่วนเกี่ยวกับการทำรองเท้าส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น นำอุปกรณ์มาให้ดู จึงคิดว่าน่าจะทำรองเท้าที่สามารถนวดกดจุดต่างๆ ได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะที่จังหวัดเชียงใหม่เองก็มีผู้ผลิตรองเท้าใส่ในบ้านเยอะ ถ้าใส่นวัตกรรมเข้าไปโดยนำศาสตร์ของแพทย์แผนจีนและศาสตร์การนวดของไทยมาใช้ผสมผสานกัน ซึ่งทรายที่นำมาใส่ก็ต้องผ่านการร่อนมาอย่างดี เพื่อให้ได้อนุภาคของทรายที่มีขนาดเล็กเท่ากัน
รองเท้านวดเพื่อสุขภาพ ของนักเรียน รร.มงฟอร์ตฯ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการออกบูธที่ไหนหรือการนำไปขายในงานถนนคนเดินที่ จ.เชียงใหม่ ในราคาคู่ละ 150 บาท และมีของแถมคือ น้ำมันนวดระกำขวดเล็ก 1 ขวด ล้วนได้รับการอุดหนุนจากลูกค้าอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกันคนละคู่สองคู่ บางรายที่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและสปาต่างสั่งซื้อจำนวนมาก ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์บริษัทสามารถผลิตได้หลายร้อยคู่
นอกจากจะเป็นนวัตกรรมที่อาศัยภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยและจีนแล้ว การผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพดังกล่าวยังมีส่วนช่วยชุมชนอีกด้วย "ครูนิวัติ" เล่าว่า ทางบริษัทจะซื้อแผ่นยางรองเท้าและให้กลุ่มแม่บ้าน ต.สันทราย อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ทำ เป็นการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนและช่วยเหลือชุมชนให้มีรายได้ สำหรับการตกแต่งนักเรียนที่สังกัดบริษัทจะทำเองหมด ส่วนใหญ่จะนำวัสดุที่เหลือใช้มาตกแต่ง อย่างเช่นเศษผ้าจากโรงงาน เปลือกหอย กะลา ฯลฯ
"ต่อไปจะนำเสื่อกกที่มีอยู่ในพื้นที่มาเป็นแผ่นรองเท้าจากตอนนี้ที่ใช้แผ่นยาง จะเห็นได้ว่ารองเท้าเพื่อสุขภาพนี้เป็นงานแฮนด์เมดที่เด็กแต่ละคนจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์ตกแต่ง" ครูนิวัติเล่า
หลังจากรองเท้าเพื่อสุขภาพ ได้รับรางวัลที่ 2 จากการประกวดในโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ทางกลุ่มแม่บ้าน ต.สันทราย ก็ได้ขออนุญาตผลิตเพื่อเป็นสินค้าโอท็อปประจำหมู่บ้าน ซึ่งทางผู้บริหารของ รร.มงฟอร์ตฯ และอาจารย์ก็อนุญาตให้ผลิตได้เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านและเป็นการตอบแทนสังคม
การได้รับรางวัลในโครงการดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกของ รร.มงฟอร์ตฯ เพราะเมื่อปี 2546 ทาง รร.ก็เคยคว้ารางวัลชนะเลิศในการทำขนมทองม้วน โดยนำผักน้ำพื้นบ้าน "เตากับผั๋ม" มาเป็นส่วนผสม ผักสองตัวนี้มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนสาหร่ายสไปรูไลนา ตอนนี้ทาง รร.ก็ทำขายให้นักเรียนในโรงเรียนได้รับประทานกันด้วย
นอกจากนี้ 7 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ของนักเรียนโรงเรียนมงฟอร์ตฯ ที่ได้เข้าร่วมโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ติดรอบสุดท้ายมาตลอด น้องสุทธิวงศ์ ปัญญาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท MC Relax shoes ที่กำลังจะขึ้นชั้น ม.5 รร.มงฟอร์ตวิทยาลัย เล่าว่า การได้รับรางวัลรองชนะเลิศมาจากความตั้งใจ ความร่วมมือร่วมใจกันทำงานของทีมงาน ขณะที่พ่อแม่ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยในส่วนของเพื่อนนักเรียนหญิงจะเน้นการตกแต่งเย็บปักถักร้อย ส่วนตนเองนั้นทำหน้าที่ฝ่ายขายและการบริหารจัดการ
ส่วน น้องศศิบุตร ยิ่งยืนยง เธอบอกทำหน้าที่ฝ่ายการเงิน ทำบัญชี ที่ผ่านมาได้นำไปวางขายที่ถนนคนเดินปรากฏว่าคนสนใจ เพราะเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่และให้ประโยชน์ทางกายภาพบำบัด ตามหลักแพทย์แผนจีนและตามหลักนวดแผนไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้คนต้องการหาซื้อ ตอนที่นำไปโชว์ที่ธนาคารกรุงไทย พนักงานที่นั่นก็ซื้อกันมาก ส่วนใหญ่จะนำไปใส่ที่สำนักงาน
เมื่อถามถึงปัญหาอุปสรรคของการผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพ น้องศศิบุตร แจกแจงว่า การหาวัสดุจากธรรมชาติ อย่างเช่น เปลือกหอยพื้นบ้านหรือกะลา ไม่ใช่เรื่องยากแต่ความยากอยู่ที่ตกแต่งโดยเฉพาะการถักโคร์เชต์ ช่วงแรกๆ เพื่อนที่ทำยังไม่ชำนาญจึงเสียเวลามาก แต่ตอนหลังถักได้เร็วขึ้น ปัญหาอีกอย่างคือ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีความแตกต่างกัน แต่ละคู่สีสันและลวดลายจะไม่เหมือนกันเลย
กล่าวได้ว่านักเรียน รร.มงฟอร์ตฯ ในนามบริษัทดังกล่าว ทุกคนต่างภาคภูมิใจที่ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากทาง รร.จะมีรายได้แล้วยังมีส่วนช่วยเหลือชุมชน นับได้ว่าโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้คณะครูและนักเรียนร่วมกันคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้นในตลาดโดยฝีมือคนไทย.
ในยุคที่กระแสรักสุขภาพมาแรง ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ต่างหยิบจุดนี้มาเป็นจุดขาย การก่อกำเนิดของบริษัท MC Relax shoes ซึ่งก่อตั้งโดยคณะนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่นำเทรนด์ดังกล่าวมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น นั่นก็คือ "รองเท้านวดเพื่อสุขภาพ" ซึ่งสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ที่จัดขึ้นโดย บมจ.ธนาคารกรุงไทย ที่ดำเนินการมาเป็นปีที่ 9 แล้ว ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการจริง ซึ่งจะทำให้เยาวชนได้รับประโยชน์หลายประการ อาทิ เสริมแนวคิดและปูพื้นฐานการเป็นผู้ประ กอบการ สอนให้ทำงานเป็นทีม รู้จักศึกษา-ค้นคว้า ทดสอบความชอบและความถนัดของตนเองจากการประกอบธุรกิจจริง ฯลฯ
ถ้าใครได้ลองสวมใส่รองเท้านวดเพื่อสุขภาพที่นักเรียนชั้น ม.4/1 รร.มงฟอร์ตฯ จำนวน 8 คนคิดค้นขึ้นมา ซึ่งผลิตและจำหน่ายในนามบริษัท MC Relax shoes จะไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมคณะกรรมการถึงได้มอบรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ให้
นอกจากจะเป็นรองเท้าใส่ในบ้านที่ออกแบบสวยเก๋ไก๋ ประเภทมีคู่เดียวในโลกก็ว่าได้ แถมยังมีประโยชน์ต่อเท้าอีกด้วย โดยนำทรายจากลำน้ำปิงมาใส่ในรองเท้าตามจุดสำคัญๆ 5 จุดเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งบีบนวด จุดสำคัญ 5 จุดคือ 1.ตา หู 2.ไซนัส ต่อมใต้สมอง ต่อมทอนซิล คอ 3.ปอด หัวใจ 4.ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และ 5.อวัยวะสืบพันธุ์
"ครูนิวัติ อรุณวิไล" อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ บริษัท MC Relax shoes เล่าให้ฟังถึงที่มาของแนวคิดการทำรองเท้าเพื่อสุขภาพว่า จุดเริ่มต้นมาจากผู้ปกครองเด็กรายหนึ่ง ทำอุปกรณ์ชิ้นส่วนเกี่ยวกับการทำรองเท้าส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น นำอุปกรณ์มาให้ดู จึงคิดว่าน่าจะทำรองเท้าที่สามารถนวดกดจุดต่างๆ ได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะที่จังหวัดเชียงใหม่เองก็มีผู้ผลิตรองเท้าใส่ในบ้านเยอะ ถ้าใส่นวัตกรรมเข้าไปโดยนำศาสตร์ของแพทย์แผนจีนและศาสตร์การนวดของไทยมาใช้ผสมผสานกัน ซึ่งทรายที่นำมาใส่ก็ต้องผ่านการร่อนมาอย่างดี เพื่อให้ได้อนุภาคของทรายที่มีขนาดเล็กเท่ากัน
รองเท้านวดเพื่อสุขภาพ ของนักเรียน รร.มงฟอร์ตฯ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการออกบูธที่ไหนหรือการนำไปขายในงานถนนคนเดินที่ จ.เชียงใหม่ ในราคาคู่ละ 150 บาท และมีของแถมคือ น้ำมันนวดระกำขวดเล็ก 1 ขวด ล้วนได้รับการอุดหนุนจากลูกค้าอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกันคนละคู่สองคู่ บางรายที่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและสปาต่างสั่งซื้อจำนวนมาก ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์บริษัทสามารถผลิตได้หลายร้อยคู่
นอกจากจะเป็นนวัตกรรมที่อาศัยภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยและจีนแล้ว การผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพดังกล่าวยังมีส่วนช่วยชุมชนอีกด้วย "ครูนิวัติ" เล่าว่า ทางบริษัทจะซื้อแผ่นยางรองเท้าและให้กลุ่มแม่บ้าน ต.สันทราย อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ทำ เป็นการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนและช่วยเหลือชุมชนให้มีรายได้ สำหรับการตกแต่งนักเรียนที่สังกัดบริษัทจะทำเองหมด ส่วนใหญ่จะนำวัสดุที่เหลือใช้มาตกแต่ง อย่างเช่นเศษผ้าจากโรงงาน เปลือกหอย กะลา ฯลฯ
"ต่อไปจะนำเสื่อกกที่มีอยู่ในพื้นที่มาเป็นแผ่นรองเท้าจากตอนนี้ที่ใช้แผ่นยาง จะเห็นได้ว่ารองเท้าเพื่อสุขภาพนี้เป็นงานแฮนด์เมดที่เด็กแต่ละคนจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์ตกแต่ง" ครูนิวัติเล่า
หลังจากรองเท้าเพื่อสุขภาพ ได้รับรางวัลที่ 2 จากการประกวดในโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ทางกลุ่มแม่บ้าน ต.สันทราย ก็ได้ขออนุญาตผลิตเพื่อเป็นสินค้าโอท็อปประจำหมู่บ้าน ซึ่งทางผู้บริหารของ รร.มงฟอร์ตฯ และอาจารย์ก็อนุญาตให้ผลิตได้เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านและเป็นการตอบแทนสังคม
การได้รับรางวัลในโครงการดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกของ รร.มงฟอร์ตฯ เพราะเมื่อปี 2546 ทาง รร.ก็เคยคว้ารางวัลชนะเลิศในการทำขนมทองม้วน โดยนำผักน้ำพื้นบ้าน "เตากับผั๋ม" มาเป็นส่วนผสม ผักสองตัวนี้มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนสาหร่ายสไปรูไลนา ตอนนี้ทาง รร.ก็ทำขายให้นักเรียนในโรงเรียนได้รับประทานกันด้วย
นอกจากนี้ 7 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ของนักเรียนโรงเรียนมงฟอร์ตฯ ที่ได้เข้าร่วมโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ติดรอบสุดท้ายมาตลอด น้องสุทธิวงศ์ ปัญญาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท MC Relax shoes ที่กำลังจะขึ้นชั้น ม.5 รร.มงฟอร์ตวิทยาลัย เล่าว่า การได้รับรางวัลรองชนะเลิศมาจากความตั้งใจ ความร่วมมือร่วมใจกันทำงานของทีมงาน ขณะที่พ่อแม่ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยในส่วนของเพื่อนนักเรียนหญิงจะเน้นการตกแต่งเย็บปักถักร้อย ส่วนตนเองนั้นทำหน้าที่ฝ่ายขายและการบริหารจัดการ
ส่วน น้องศศิบุตร ยิ่งยืนยง เธอบอกทำหน้าที่ฝ่ายการเงิน ทำบัญชี ที่ผ่านมาได้นำไปวางขายที่ถนนคนเดินปรากฏว่าคนสนใจ เพราะเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่และให้ประโยชน์ทางกายภาพบำบัด ตามหลักแพทย์แผนจีนและตามหลักนวดแผนไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้คนต้องการหาซื้อ ตอนที่นำไปโชว์ที่ธนาคารกรุงไทย พนักงานที่นั่นก็ซื้อกันมาก ส่วนใหญ่จะนำไปใส่ที่สำนักงาน
เมื่อถามถึงปัญหาอุปสรรคของการผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพ น้องศศิบุตร แจกแจงว่า การหาวัสดุจากธรรมชาติ อย่างเช่น เปลือกหอยพื้นบ้านหรือกะลา ไม่ใช่เรื่องยากแต่ความยากอยู่ที่ตกแต่งโดยเฉพาะการถักโคร์เชต์ ช่วงแรกๆ เพื่อนที่ทำยังไม่ชำนาญจึงเสียเวลามาก แต่ตอนหลังถักได้เร็วขึ้น ปัญหาอีกอย่างคือ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีความแตกต่างกัน แต่ละคู่สีสันและลวดลายจะไม่เหมือนกันเลย
กล่าวได้ว่านักเรียน รร.มงฟอร์ตฯ ในนามบริษัทดังกล่าว ทุกคนต่างภาคภูมิใจที่ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากทาง รร.จะมีรายได้แล้วยังมีส่วนช่วยเหลือชุมชน นับได้ว่าโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้คณะครูและนักเรียนร่วมกันคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้นในตลาดโดยฝีมือคนไทย.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.thaipost.net
ขอบคุณแหล่งภาพ :youngenterprise.ktb.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น