นั่น หมายความว่า เราต้องบริโภคเกือบทุกมื้อและทุกวัน อยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็มีโอกาสขาดวิตามินซี อย่างแน่นอน เราจึงมักพบว่าโอกาสของการขาดวิตามิน ที่ละลายในน้ำ มีมากกว่าวิตามินที่ละลายในไขมัน
ประโยชน์ของวิตามิน ซี
1.สร้างคอลลาเจน (โปรตีน และเนื้อเยื่อประสาท)
- ในทางการแพทย์พบว่า วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีประโยชน์สูงมากๆ เพราะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ คอลลาเจน “เส้นใยคอลลาเจน”
- วิตามิน ซี เป็นตัวช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อโปรตีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในพัฒนาการเจริญเติบโตของร่างกายมนุษย์ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยในการสมานแผลผ่าตัด และไฟไหม้ และแผลในกระเพาะอาหาร ฯลฯ
เหตุนี้เอง หลังผ่าตัดแพทย์มักจะให้ วิตามินซี กับผู้ป่วยในปริมาณที่เหมาะสม เพราะวิตามินซีจะไปเกาะยึดกับเนื้อเยื่อโปรตีน ส่งผลให้เหนียว และแข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น
2.เพิ่มภูมิต้านทานโรค
- ถ้าเราทานวิตามินซี วันละ 300 มก. อาจ ช่วยป้องกันไข้หวัดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ เพราะวิตามินซี จะช่วยเพิ่มปริมาณของเม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายเราสูงขึ้น
- ถ้าหากเรารับประทานวิตามินซี วันละ 500 มก. จะมี “ภูมิต้านทานสูง” อยู่ตลอดเวลา !
- ในทางการแพทย์มีการใช้วิตามินซี ถึงวันละ 1800 มก. เพื่อใช้ในการรักษา โรคมะเร็ง หรือเนื้องอกบางชนิด
3.ช่วยป้องกันและรักษาโรคต่างๆ
- เบาหวาน วิตามินซี 1 กรัม เทียบเท่ากับการทำงานของอินซูลิน 2 หน่วย
- โรคภูมิแพ้ หอบหืด วิตามินซีมีบทบาทในการช่วยลดสารฮีสตามิน ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้
- โรคเครียด วิตามินซี ช่วยเพิ่มการหลั่งของสารเอ็นเดอร์ฟิน
- โรคข้อกระดูก หมอนรองกระดูก วิตามินซีช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อเกี่ยยวพันธ์ โดยทำงานร่วมกับวิตามินบี 6 และวิตามิน บี 3
- โรคปวดหลัง วิตามินซีช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกอ่อนและเอ็นรอบข้อ
- สุขภาพของตาที่ดี เกิดจากองค์ประกอบของการทำงานร่วมกัน ของวิตามินเอ บี และ ซี ป้องกันตาต้อกระ ต้อหิน รักษาตาแดง ซึ่งในน้ำหล่อเลี้ยงลูกตามีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าปริมาณวิตามินซี ในกระแสเลือดถึง 25 เท่า
- ป้องกันการอักเสบของเหงือก และหูชั้นกลาง
- ผู้ที่บริโภควิตามินซีขนาดสูง 1 กรัมต่อวัน (1000 มก.) สามารถช่วยลดอัตราการตายด้วยโรคหัวใจ ได้ถึง 38%
- ผู้บริโภควิตามินซีในขนาด 3 กรัมต่อวัน (3000 มก.) จะมีผลในการช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งและเนื้องอก
- สร้างเส้นใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ซึ่งทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงกับผิว ทำให้ผิวไม่เต่งตึงหย่อนยาน
- เป็น สารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของร่างกาย เรียกว่าเป็นวิตามินชะลอความแก่ได้เลยทีเดียว วิตามินซีมีผลในการช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระในผิว สมานแผล ชะลอการร่วงโรยของผิว และป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- วิตามิน ซี ยังช่วยให้วิตามินอี บริเวณถูกทำลายช้าลง มีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้อีกจึงช่วยเร่งการหายของแผลบริเวณผิวหนังได้ อีกทางหนึ่ง
การเลือกซื้อวิตามิน ซี ที่ดี
การ เลือกซื้อวิตามิน ซี ที่เป็นสารเสริมอาหาร ควรดูว่าแหล่งของวิตามินซี ได้มาจากการสังเคราะห์หรือสกัดมาจากธรรมชาติ เพราะวิตามินซีที่มาจากธรรมชาติ จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าวิตามินซีสังเคราะห์และผลข้างเคียงจากการบริโภคมาก เกินไปก็มีน้อยกว่า
เพราะ วิตามินซีสังเคราะห์ มักจะต้องรวมอยู่กับเกลือบางชนิด เมื่อเราบริโภควิตามินซี ในปริมาณที่มากเกินไป มันก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะที่สูง ก็อาจจะตกตะกอนเกิดเป็นนิ่วที่ไตได้
ปล. วิตามินซีสังเคราะห์ คือ วิตามินซีชนิดอมที่เราทานๆกันอยู่ครับ
ในบรรดาวิตามินซีที่มาจากธรรมชาติด้วยกัน ประสิทธิภาพของวิตามินซีเหล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณ “Bioflavoniods (ไบโอฟลาโวนอยด์)” (สารพฤกษเคมีชนิดหนึ่ง-สารที่มีประโยชน์ที่พบในพืช) เพราะ ไบโอฟลาโวนอยด์จะเป็นตัวช่วยในเรื่องการดูดซึมและการออกฤทธิ์ของวิตามินซี ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนั้น ในการเลือกซื้อหาวิตามินประเภทนี้ ควรดูที่ปริมาณ ไบโอฟลาโวนอยด์ ด้วยว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน
ในส่วนของบทความ วิตามิน ซี ที่ผมได้นำเสนอนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้าง แล้วนะครับ
ขอบคุณแหล่งที่มา : kapankbeauty.com ,
kapook.com
ขอบคุณแหล่งที่มาภาพ : www.thaidbmarket.com
ซาคานะคอลลาเจน
ตอบลบ