ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ องค์การยูนิเซฟ องค์การอนามัยโลก
และศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกันเรียกร้องให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เพราะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดและปลอดภัยที่สุดที่จะให้เด็กได้รับสารอาหาร
ที่มีคุณค่าสูงสุด และจะช่วยป้องกันเด็กๆจากการติดเชื้ออีกด้วย
เพราะในภาวะน้ำท่วมเป็นภาวะที่สุขอนามัยไม่ได้มาตรฐาน
และการเข้าถึงน้ำสะอาดเป็นไปอย่างยากลำบาก
อีกทั้งในภาวะภัยพิบัติเช่นนี้มักพบอัตราการตายและการเจ็บป่วยของเด็กเล็ก
อายุต่ำกว่า 5 ขวบจะสูงกว่าเด็กในช่วงอายุอื่นๆ
เนื่องจากเด็กเล็กมีความเสี่ยงสูงต่อโรคระบาดต่างๆ เช่น ท้องร่วง
หลาย
คนมักเข้าใจผิดว่า ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แม่ไม่สามารถให้นมลูกอย่างเพียงพอ
เนื่องจากต้องประสบกับความเครียด และโภชนาการที่ไม่เหมาะสม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเครียดอาจมีผลชั่วคราวต่อการไหลของน้ำนมแม่
แต่จะไม่ส่งผลต่อการผลิตน้ำนมของแม่
แม้ว่าแม่บางคนจะไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติในภาวะน้ำท่วมก็ตาม
แต่ยังจะสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อไปได้ สิ่งสำคัญคือ
ต้องจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดและอาหารที่มีประโยชน์ให้กับแม่
ส่วนการรับ
บริจาคและการจัดหานมผสม อาหารทดแทนนมแม่ในภาวะเช่นนี้
ควรได้รับการประเมินถึงความต้องการ และมีการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้แน่ใจว่าถึงทารกที่มีความต้องการและจำเป็นจริงๆ
ขณะที่ทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือนที่ไม่ได้ทานนมแม่แล้ว
ต้องได้รับการให้ความรู้ในการเตรียมนมผสมอย่างปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ
ด้วยการใช้น้ำดื่มที่สะอาด และมีอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
โดยแนะนำให้ใช้แก้วใส่นมผสมและป้อนทารกแทนการใช้ขวดหรือจุกนมที่ไม่ได้ผ่าน
การนึ่งหรือฆ่าเชื้อก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม
การเลี้ยงลูกด้วยนมผสมในภาวะภัยพิบัติมีความเสี่ยงอย่างมาก
และควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย
หลังจากพิจารณาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่าอย่างเต็มที่แล้ว
เช่นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thairath.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น